วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

มีกฎพื้นฐานบางประการที่คุณควรคำนึงถึง LSM99



อนาคตฐานที่วาดภาพไว้อาจไม่ใช่อนาคตที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในประเด็นความเสื่อมโทรมของทรัพยากร คราวถัดไปเราจะลองดูฉากทัศน์อื่นๆ ที่เป็นไปได้ในอนาคตว่าเราสามารถเลือกทางเดินอะไรได้บ้างในช่วงปลายปีที่แล้ว นักลงทุนต่างมองภาพในปีนี้ด้วยความหวัง ผลการเลือกตั้งของประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้ โจ ไบเดน มาแทน    LSM99   โดนัลด์ ทรัมพ์ รวมถึงการประกาศของบริษัทยาว่าสามารถคิดค้นวัคซีนที่จะเข้ามาฉีดเพื่อป้องกันโรค Covid-19 ต่างทำให้ความหวังของนักลงทุน รวมถึงประชาชนทั่วไปเพิ่มพูนขึ้น ภาพเศรษฐกิจการลงทุนดีเยี่ยมในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ทั้งการเงินและการคลัง จนเกิดสถานการณ์ “Too good to be true” หรือดีเกินไปที่จะเป็นจริง     


ล่วงเข้าสู่ครึ่งปีหลัง ภาพเศรษฐกิจการลงทุนโลกเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในจีนที่ประกาศนโยบาย Common prosperity เพื่อสร้างความเท่าเทียมเชิงสังคม และคุมเข้มธุรกิจที่ทางการเห็นว่ามีความเสี่ยง เช่น Fintech ธุรกิจสอนพิเศษ เกมออนไลน์ ภาคอสังหาฯ LSM99 ธุรกิจเหมืองแร่ เป็นต้น ภาพเหล่านี้ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากธุรกิจอสังหาฯที่ใหญ่เป็นอันดับสองในจีนอย่าง China Evergrande ประสบปัญหาการเงิน ประกอบกับนโยบาย Covid zero ที่พร้อมจะ Lockdown หากเริ่มมีการระบาด รวมถึงวิกฤติพลังงานที่เกิดช่วงปลายปี ทำให้เศรษฐกิจและการลงทุนจีนมีความเสี่ยงมากขึ้น  ในฝั่งของเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจและการลงทุนเริ่มเห็นสัญญาณเสี่ยงมากขึ้น


 ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อสูงที่ลากยาวมากขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลง (จนบางฝ่ายมีความกังวลถึงสถานการณ์ Stagflation fear) รวมทั้งนโยบายการเงินการคลังที่เริ่มตึงตัว แต่ด้วยสภาพคล่องที่มีมาก ทำให้การลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงยังคงไปต่อได้ คำถามคือ LSM99 ภาพของโลกเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงปีหน้าจะเป็นเช่นไร คำตอบที่พิจารณาได้ง่ายสุด ได้แก่ ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจล่วงหน้าของ OECD ที่ดึงข้อมูลจำนวนมากมารวมกันเพื่อคาดการณ์กิจกรรมในช่วงหกถึงเก้าเดือนข้างหน้า บ่งชี้ถึงสัญญาณของการเติบโตสูงสุด (Peak growth) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ขณะที่การเติบโตเริ่มชะลอตัวลงในแคนาดาและอิตาลี ขณะที่ในตลาดเกิดใหม่ OECD คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวแรงในจีน


 อินเดีย และบราซิลด้วยภาพเช่นนั้น ประกอบกับทิศทางเงินเฟ้อ และแนวนโยบายการเงินการคลังโลกที่ชัดเจนขึ้น เราจึงมองธีมของเศรษฐกิจการลงทุนในปีหน้าเป็น “ปีแห่งความแตกต่าง” โดยแตกต่างทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และนโยบายการเงินการคลัง  LSM99     ในแง่ของเศรษฐกิจ ภาพใหญ่ของโลกปีหน้าคือ Global Growth normalization หรือการที่เศรษฐกิจโลกค่อย ๆ กลับมาสู่ความเป็นจริงมากขึ้น หลังจากที่ตกต่ำมากในปี 2020 (GDP โลกหดตัว -3.2%) จากวิกฤติCovid-19 และฟื้นรุนแรงในปีนี้ที่ 5.9% ตามประมาณการของ IMF ขณะที่ปีหน้า การขยายตัวจะเริ่มชะลอลงมาอยู่ที่ 4.9%       แต่ภาพที่แตกต่างจะเห็นชัดเจนขึ้นทั้งในแง่ระดับเศรษฐกิจและในแง่เวลา ในแง่ระดับเศรษฐกิจ เราจะเห็นการชะลอลงที่ชัดเจนขึ้นของประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป อันเป็นผลทั้งจาก (1) ความต้องการที่ถูก “อั้น” ไว้ (Pent-up demand) เริ่มหมดลง (2)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น